พึ่งพา "เทคโนโลยี" มากไป เสี่ยง “สมองเสื่อม” เร็วขึ้น

พึ่งพา "เทคโนโลยี" มากไป เสี่ยง “สมองเสื่อม” เร็วขึ้น

พึ่งพา "เทคโนโลยี" มากไป เสี่ยง “สมองเสื่อม” เร็วขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กล่าวว่า น่าเป็นห่วงว่า การใช้ชีวิตในยุคที่เทคโนโลยีด้านการสื่อสารเจริญก้าวหน้าและใช้ประโยชน์หลายสิ่งในชิ้นเดียว โดยเฉพาะยุค 5 จีที่กระแสกำลังมาแรง ซึ่งจะมีความก้าวหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น เมืองอัจฉริยะ รถยนต์ไร้คนขับ การใช้ระบบจีพีเอส (GPS) ช่วยนำทาง รวมทั้งการใช้เครื่องคิดเลข การบันทึกเบอร์โทรศัพท์ในมือถือ เป็นต้น การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้บ่อยๆ อาจทำให้การใช้สมองเพื่อคิด จดจำ ตัดสินใจน้อยลงเรื่อยๆ และเกิดสภาวะที่คนไทยเรียกว่า สมองเป็นสนิมอย่างไม่รู้ตัวได้ ซึ่งจะมีความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วขึ้น ประชาชนจึงต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างถูกต้อง และต้องไม่ลืมฝึกให้สมองแข็งแรงอยู่เสมอ

พญ.อัญชลี ศิริเทพทวี รอง ผอ.ด้านการแพทย์ และประธานคณะอนุกรรมการพัฒนามาตรฐานการบริการผู้สูงอายุ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ กล่าวว่า วิธีการฝึกสมองเพื่อลดการเกิดสนิมและชะลอการเสื่อม ประชาชนทุกวัยต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทำตั้งแต่ตอนนี้ มีข้อแนะนำ 4 ประการ ดังนี้

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิค คือมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องกันตั้งแต่ 15 นาทีขึ้นไปต่อครั้งอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว จะให้ผลทำให้การไหลเวียนเลือดดี กระตุ้นการสร้างเซลล์สมอง และปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง ช่วยสลายความเครียดไปในตัว ทำให้อารมณ์แจ่มใส

  2. ฝึกลับคมสมอง ฝึกกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด เพื่อเพิ่มความสามารถการทำงานให้สมอง เช่น การคิดเลข บวก ลบ คูณ หาร ที่ไม่ใช่เลขจำนวนมากๆ เช่น การคิดค่ากับข้าว ซื้อของใช้รายวันเป็นต้น อาจคิดในใจ คิดในกระดาษ ควรพึ่งเครื่องสมองกลเท่าที่จำเป็น ฝึกการจำเพลงโดยการฟัง ไม่ต้องดูตามเนื้อเพลง ฝึกท่องสูตรคูณ ท่อง ก.ไก่ ฝึกวาดรูป ฝึกการสวดมนต์ เป็นต้น รวมทั้งการฝึกสมองโดยการใช้เกมต่างๆ (Games for the brain) ที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ เช่น เกมจับคู่สิ่งของที่มีความสัมพันธ์กันเช่น จานกับช้อน กระดาษกับดินสอปากกา เป็นต้น, เกมจับผิดภาพที่เหมือนกัน จะทำให้ผู้ที่ดูใช้สมองในการพิจารณาหาความแตกต่างของภาพให้ได้ ซึ่งได้ทั้งความสนุกและความภาคภูมิใจ สามารถเล่นคนเดียวและเล่นเป็นกลุ่มได้ ส่วนวัยเด็กและวัยรุ่นเกมที่ใช้เล่นฝึกกระตุ้นสมองได้ดี เช่น เกมสะกดคำ เกมตัวต่อภาพหรือจิ๊กซอว์ (Jigsaw ) เกมไขว้คำศัพท์ (Crossword) เป็นต้น สามารถเล่นในคอมพิวเตอร์ก็ได้ และยังมีเกมโซโดกุ ซึ่งจะเป็นตัวเลข สามารถเล่นได้ทุกวัย การเล่นเกมประเภทกระตุ้นสมองทุกวัน จะเป็นการออกกำลังกายสมอง กระตุ้นเซลล์ประสาทในสมองทำงานได้ดี และมีการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย

  3. ฝึกทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ เช่น ใช้มือข้างไม่ถนัดจับช้อนทานข้าว จับปากกาหรือดินสอเขียนหนังสือ หรือจับแปรงสีฟันแปรงฟัน ขับรถเปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง เป็นต้น

  4. กรณีที่เป็นผู้สูงอายุ ควรเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ไม่ควรอยู่จับเจ่าที่บ้านคนเดียว เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวร่างกาย และมีการพบปะพูดคุยกัน การได้สังสรรค์กับผู้อื่น จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดีขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook