4 วิธีดูแลผู้ป่วย "โรคจิตเภท"

4 วิธีดูแลผู้ป่วย "โรคจิตเภท"

4 วิธีดูแลผู้ป่วย "โรคจิตเภท"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในประเทศไทยโรคจิตเภทเป็นโรคทางจิตเวชที่ถึงแม้จะพบไม่มาก แต่ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญทางด้านจิตเวชและสาธารณสุข ซึ่งจะพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 1 ของประชากร คาดว่า ทั่วประเทศมีประมาณ 600,000 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยแรงงาน พบในผู้ชายและผู้หญิงใกล้เคียงกัน

ในปีที่ผ่านมาผู้ป่วยจิตเภทเข้าถึงบริการแล้ว 480,000 คน สำหรับลักษณะอาการที่สำคัญของผู้ป่วยโรคจิตเภทที่สามารถสังเกตได้ คือ หลงผิด ประสาทหลอน พูดจาไม่รู้เรื่อง และมีพฤติกรรมท่าทางแปลกๆ แต่งกายไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถรักษาได้ หากพบแพทย์เร็วและได้รับการดูแลฟื้นฟูที่เหมาะสม

การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ใช้ 4 วิธีง่ายๆ ดังนี้

  1. ญาติใกล้ มีญาติคอยดูแล ใช้ครอบครัวบำบัด พร้อมพูดคุยแบ่งปันความรู้สึกแก่กันได้ และสังเกตอาการเตือนของผู้ป่วยก่อนนำเข้าพบแพทย์

  2. ได้ยา การให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้น ควรให้ผู้ป่วยได้กินยาอย่างต่อเนื่อง

  3. มาตามนัด ให้ผู้ป่วยมารักษาอาการตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง ไม่ขาดนัด

  4. ขจัดยาเสพติด หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดทุกชนิด ทั้งสุราและยาเสพติด

แม้ว่าธรรมชาติของโรคจิตเภทส่วนใหญ่จะเป็นแบบเรื้อรัง แต่หากสามารถดูแลให้ผู้ป่วยได้ปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้ จะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น ไม่มีอาการกำเริบ มีโอกาสหายสูง รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า รพ.จิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ เป็นศูนย์เชี่ยวชาญดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการรุนแรงยุ่งยากซับซ้อนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งยังเป็นศูนย์เชี่ยวชาญต้นแบบในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท (Schizophrenia) ทางรพ.ได้น้อมนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ โดยจัดทำโครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมด้านการเกษตร เป็นโครงการเกษตรบำบัด การทำแปลงผักสวนครัวแบบอินทรีย์ โดยไม่ใช้สารเคมี สำหรับฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว สามารถควบคุมตนเองได้ร่วมกับโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคมและอาชีพให้กับผู้ป่วยในรูปแบบอื่นๆ ดำเนินการภายใต้การดูแลของทีมสหวิชาชีพ เพื่อพัฒนาผู้ป่วยให้มีทักษะทางสังคมและอาชีพการงาน เป็นการสร้างโอกาส และเตรียมความพร้อมกลับสู่ครอบครัวและชุมชนได้ โดยมีผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการภายหลังการฟื้นฟูตามกระบวนการนี้ ผู้ป่วยที่อาการทุเลาสามารถกลับสู่ชุมชนเพื่อประกอบอาชีพเองได้เป็นจำนวนมาก

16225-20190523102439-a0a8688

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook