ซีสต์ที่เกิดขึ้นในร่างกายมีหลายตำแหน่ง และหลายประเภท ที่พบกันบ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีบุตร อาจจะเสี่ยงโรค หรือภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับมดลูก และรังไข่มากกว่าคนที่เคยมีบุตรมาแล้ว และซีสต์เป็นหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยในหญิงไทย หากพบก่อนรีบรักษาก่อนก็จะไม่เป็นปัญหาอะไรให้หนักใจมาก แต่หากปล่อยไว้จนซีสต์อักเสบบวม และแตกในช่องท้อง อาจอันตรายกว่าเดิมมาก
>> "แก้มบุ๋ม" ถูกหามส่งโรงพยาบาลกะทันหัน ถุงซีสต์แตกเลือดออกในช่องท้อง
>> ภัยอันตราย “ช็อกโกแลตซีสต์” ผู้หญิงเสี่ยงทุกคน ทุกวัย
ส่วนใหญ่ ซีสต์ที่พบในส่วนของมดลูก ปีดมดลูก หรือรังไข่ จะเป็นถุงน้ำเดอร์มอยด์ (Dermoid Cyst) ที่มีลักษณะเป็นถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ที่มีความสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ มาอยู่ที่บริเวณรังไข่ตั้งแต่แรกเกิด แล้วมีการพัฒนาหรือถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยบางอย่างให้เจริญไปเป็นเซลล์ไขมัน เส้นผม กระดูกอ่อน หรือฟัน จนเกิดเป็นถุงน้ำ
หากเกิดถุงน้ำ จะสามารถพบอาการข้างเคียงได้หลายอย่าง ตั้งแต่ที่พบได้บ่อย คือ
ตามปกติแล้วการรักษาเมื่อพบผู้ป่วยที่มีซีสต์ จะมีตั้งแต่ระยะแรกๆ ซีสต์ก้อนขนาดเล็ก 1-2 ก้อนที่แพทย์อาจยังขอตรวจดูอาการไปเรื่อยๆ หากเป็นซีสต์ชนิดอื่น เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ อาจมีการฉีดยาที่ทำให้ซีสต์มีขนาดเล็กลงได้ แต่สำหรับถุงน้ำเดอร์มอยด์ จำเป็นต้องผ่าตัดเท่านั้น
โดยการผ่าตัดถุงน้ำเดอร์มอยด์สามารภทำได้ทั้งแบบเปิดหน้าท้อง และแบบผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก ที่ผลผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียง 5 - 10 มิลลิเมตร เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว ลดการเกิดพังผืดในช่องท้อง ภาวะแทรกซ้อนต่ำ ลดการอักเสบติดเชื้อของแผลได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตัวเองมีถุงน้ำอยู่ในบริเวณรังไข่ จนถุงน้ำอักเสบ บวมใหญ่ เกิดอาการรั่วหรือแตก ซึ่งในกรณีที่ถุงน้ำรังไข่แตกออก และมีเส้นเลือดฉีกขาด อาจทำให้ตกเลือดในช่องท้อง และมีโอกาสเสียชีวิตได้ จึงจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน
แต่ระดับความอันตรายขึ้นอยู่ปริมาณการรั่วหรือแตกของถุงน้ำที่เกิดขึ้น หากรั่วเพียงปริมาณไม่มาก แพทย์อาจสังเกตอาการโดยให้พักที่โรงพยาบาล ถ้าอาการดีขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
>> ซีสต์ กับเนื้องอก ต่างกันอย่างไร? แบบไหนอันตรายกว่ากัน?