อาการโรค "ปอดอักเสบ" ที่ควรสังเกตทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง

อาการโรค "ปอดอักเสบ" ที่ควรสังเกตทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง

อาการโรค "ปอดอักเสบ" ที่ควรสังเกตทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
  • อาการของปวดบวมปริศนา คือ มีไข้ หายใจลำบาก ดูจากภาพเอ็กซเรย์หน้าอกจะเห็นรอยโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในปอดทั้ง 2 ข้าง

  • หากมีคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว เพิ่งกลับมาจากพื้นที่ที่พบการระบาด แล้วมีอาการ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หอบเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา

  • ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีเพราะไข้หวัดใหญ่ยังคงเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้มาก


จากกระแสไวรัสปอดอักเสบที่ประเทศจีน ได้รับแจ้งว่าพบผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก คล้ายอาการปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563  มีผู้ป่วย 44 ราย โดยผู้ป่วย 11 รายมีอาการรุนแรงจนเป็นที่จับตามองจากสาธารณสุขทั่วโลกว่าอาจเป็นการกลับมาของโรคซาร์ส (SARS – Severe Acute Respiratory Syndrome) ซึ่งเคยคร่าชีวิตผู้ป่วยไปมากมายเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว

ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2563 ทางการผู้รับผิดชอบด้านสาธารณสุขของจีนในเมืองอู่ฮั่น ได้แถลงข่าวแล้วว่าโรคปอดอักเสบที่กำลังระบาดไม่ใช่โรคซาร์ส หรือโรคไข้หวัดนก รวมถึงไม่ใช่โรคไข้หวัดใหญ่ เชื้ออะดิโนไวรัส (adenovirus)  หรือ เมอร์ส (MERS- Middle East Respiratory Syndrome) ตามที่ตั้งข้อสงสัยกัน นอกจากนี้ยังไม่พบหลักฐานใด ๆ ชัดเจนที่บ่งชี้ว่ามีการติดต่อระหว่างคนกับคน

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จากข้อมูลของทางการพบว่าผู้ป่วยบางรายดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ขายในตลาดอาหารทะเลหวนหนาน

โดยพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการ มีไข้ หายใจลำบาก และเห็นรอยโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในปอดทั้ง 2 ข้างจากการดูภาพเอ็กซเรย์หน้าอก ซึ่งเป็นอาการร่วมของโรคระบบทางเดินหายใจและปอดอักเสบที่พบบ่อยในฤดูหนาว  ทั้งนี้คำแนะนำของ WHO เกี่ยวกับมาตรการด้านสาธารณสุขและการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่และการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันขั้นรุนแรงยังคงมีผล ในกรณีที่มีอาการแนะนำให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจทั้งในระหว่างหรือหลังการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น ควรได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด

สำหรับฮ่องกงพบผู้ป่วย 15 คน ซึ่งเพิ่งเดินทางไปเมืองอู่ฮั่นเมื่อเร็ว ๆ นี้กำลังได้รับการรักษา และพยายามไม่ให้เกิดการระบาดของโรค  รวมถึงประกาศเตือนให้อยู่ห่างจากตลาดสด และไม่รับประทานอาหารที่ทำจากสัตว์ป่าหากต้องเดินทางไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ได้ออกมาตรการตรวจสอบ โดยวัดอุณหภูมิผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นทุกคนที่สนามบินชางงี  ซึ่งผลการตรวจเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยบางรายเป็นไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อไวรัส RSV และบางรายยังรอการตรวจยืนยันอยู่


สังเกตคนใกล้ชิด ถ้ามีอาการเหล่านี้ไม่ดีแน่

พญ. อรอุมา บรรพมัย แพทย์ชำนาญการด้านโรคติดเชื้อ รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ระบุว่า แม้กระแสปอดบวมปริศนา จะกำลังอยู่ระหว่างการหาคำตอบและข้อสรุปที่แน่ชัด แต่เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากเราหรือคนในครอบครัว มีอาการผิดปกติร่วมกับมีประวัติการเดินทางไปยังสถานที่ ที่มีการระบาดของโรค ให้สังเกตดังนี้

  1. ไข้หวัด มักจะมีไข้ร่วมกับน้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ จาม ไข้มักจะสูงประมาณ 2–4 วันก็ทุเลาไปเอง

  2. ไข้หวัดใหญ่ จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัวมาก ปวดศีรษะร่วมด้วย ต่อมาอาจจะมีอาการ เจ็บคอ ไอ บางคนมีน้ำมูกไหล อาการของไข้หวัดใหญ่ในช่วง 2–3 วันแรก จะแยกจากโรคปอดบวมปริศนาได้ยาก ถ้าภายใน 3–4 วัน ไม่ทุเลาให้รีบมาพบแพทย์

  3. อาการของ โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome-SARS) ผู้ป่วยจะมีอาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 2-7 วัน อาการช่วงแรกคล้ายไข้หวัดใหญ่ ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย รวมถึงมีภาวะปอดติดเชื้อ จนอาจทำให้เสียชีวิตได้

ดังนั้น หากมีคนใกล้ชิดคนในครอบครัว เพิ่งกลับมาจากประเทศจีน หรือเมืองอู่ฮั่น แล้วมีอาการ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หอบเหนื่อย ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที


การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดหวัดใหญ่ ปอดอักเสบ และ ปอดบวมปริศนา

  1. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

  2. สวมหน้ากากอนามัยในที่ชุมชนหรือมีผู้ป่วย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการไอ จาม)

  3. หมั่นล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ ทำความสะอาดด้วย Alcohol hand gel หรือไม่นำมือไปสัมผัสสิ่งที่ไม่สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร

  4. งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่

  5. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลพิษหรือฝุ่นละอองหนาแน่น โดยเฉพาะ PM2.5 สูง

  6. ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ช้อนส้อม หรือกินอาหารร่วมกับผู้ป่วยที่กำลังเป็นโรคหวัด

  7. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศหรือเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคที่กำลังสงสัย หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ

  8. ควรฉีดวัคซีน ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีเพราะไข้หวัดใหญ่ยังคงเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้มาก

  9. สำหรับเด็กหรือในผู้สูงอายุ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคได้ถึง 75%

แม้จะมีแถลงการณ์คลายความสงสัยและกังวลแล้วว่า โรคปอดอักเสบเฉียบพลัน หรือปอดบวมปริศนา ครั้งนี้ไม่ใช้โรคซาร์ส แต่หากต้องไปในที่ ที่มีคนพลุกพล่าน ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งและหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากพบอาการไข้ ไอ หอบเหนื่อย ควรรีบพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook