วิธีทำ “โซเชียลดีท็อกซ์” จากสื่อสังคมออนไลน์ พักสมอง-ลดเครียด

วิธีทำ “โซเชียลดีท็อกซ์” จากสื่อสังคมออนไลน์ พักสมอง-ลดเครียด

วิธีทำ “โซเชียลดีท็อกซ์” จากสื่อสังคมออนไลน์ พักสมอง-ลดเครียด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อาจทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับผลกระทบ เช่น การรับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปการถูกกระตุ้นทางอารมณ์อย่างรุนแรง รวมทั้งการถูกกลั่นแกล้งหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ จึงควรทำโซเชียลดีท็อกซ์ (Social Detox) เพื่อบำบัดการได้รับผลของสื่อสังคมออนไลน์ โดยลดการใช้ให้น้อยลง เพื่อลดการรับข้อมูลข่าวสารล้างสารพิษจากสื่อสังคมออนไลน์ และฟื้นฟูสภาพจิตใจ

วิธีทำโซเชียลดีท็อกซ์ด้วยตนเอง

อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุวิธีทำโซเชียลดีท็อกซ์ด้วยตนเองเอาไว้ ดังนี้

  1. ปิดแจ้งเตือนในช่วงพัก

    สมองจะเกิดการตอบสนองต่อเสียงและการสั่นแจ้งเตือน ทำให้ร่างกายต้องตรวจเช็กการแจ้งเตือนของโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจกระตุ้นความกังวลและเพิ่มความกลัวการอยู่คนเดียว

  2. กำหนดเวลาใช้งานโทรศัพท์

    กำหนดเวลาการใช้โทรศัพท์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น พักการใช้งานทุก 30 นาที หรือกำหนดการใช้งานครั้งละ 5-10 นาที

  3. ทำโซเชียลดีท็อกซ์ทุกวันหยุด

    วันหยุดเป็นช่วงเวลาพักผ่อนซึ่งเหมาะกับการใช้ชีวิตโดยปราศจากอินเทอร์เน็ตสื่อสังคมออนไลน์ หรือใช้ให้น้อยที่สุด เพื่อให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลาย

  4. ซึมซับบรรยากาศแบบออฟไลน์

    การปิดโทรศัพท์ การใช้ชีวิตแบบออฟไลน์ การไม่ลงภาพหรือสถานะในสื่อสังคมออนไลน์และการทำกิจกรรมนอกหน้าจอ เช่น อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว สนทนากับเพื่อน ใช้เวลาร่วมกับญาติหรือครอบครัว เพื่อรับประสบการณ์นอกสื่อสังคมออนไลน์อย่างเต็มที่

  5. จัดการเนื้อหาของข้อมูลที่ได้รับ

    เลือกรับข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ลดการติดตามผู้มีอิทธิพลบนสื่อสังคมออนไลน์ (Infuencer) ที่ไม่ได้ประโยชน์ และเลือกติดตามเฉพาะคนที่ทำให้เรารู้สึกดีและมีความสุข

  6. งดเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน

    แสงไฟจากหน้าจออุปกรณ์ หรือโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนจะกระตุ้นให้สมองทำงานมากขึ้นและลดการทำงานของสารเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น

คำแนะนำจากแพทย์

หากทำโซเชียลดีท็อกซ์แล้วยังมีความรู้สึกว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ เช่น รู้สึกเครียด เศร้า หรือหดหู่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรรีบปรึกษานักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook