ว่ากันว่า รอยสักสีดำ ที่เรียกว่า “Blackout’ tattoos” กำลังเป็นรอยสักที่มาแรง โดยเว็บข่าวของ foxnews.com รายงานว่า ตามอินสตาแกรม หรือไอจี ตอนนี้มีการโพสต์รูปรอยสักสีดำทะมึน พร้อมติดแฮชแท็ก #blackworktattoo แล้วกว่า 84,000 โพสต์ ภายในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่ เชสเตอร์ ลี นักสักแทตทูชื่อดังชาวสิงคโปร์ โพสต์รูปรอยสักสีดำเกือบเต็มช่วงลำตัวท่อนบนของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกค้าของเขาลงในไอจี แล้วรูปภาพนั้นก็มีคนแห่กดไลค์หลายพันไลค์ จากนั้นก็มีคนลงรูปรอยสักสีดำทะมึนตามแผ่นอก แผ่นหลัง หรือตามช่วงขา ซึ่งดูหลอกตา คล้ายกับรอยสักนั้นเป็นเสื้อ หรือเป็นกางเกงเลคกิ้ง โพสต์ลงไอจีกันตรึม
แล้วประเด็นนี้ก็ทำให้ ดอกเตอร์ แอริค ชไวเกอร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มวิทยาการโรคผิวหนังชไวเกอร์ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ออกมาเตือนว่า การสักแทตทูขนาดใหญ่อย่างนี้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบ ติดเชื้อจากเข็ม หรือจากสีหมึกคล้ายกับการสักรอยสักทั่วไป แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ “รอยสักขนาดใหญ่ๆ ย่อมใช้เวลานานในการรักษา และมีโอกาสที่จะเป็นแผลเป็นมากกว่า ” คุณหมอแอริคบอกกับสำนักข่าวของฟ็อกซ์ นิวส์
คุณหมอแอริคยังบอกด้วยว่า แม้จะเป็นรอยสักที่ใช้สีดำสีเดียว แต่โอกาสที่รอยสักจะมีสีไม่เรียบเนียน สม่ำเสมอเท่ากัน ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก ดังนั้น ใครที่คิดจะสักต้องเลือกช่างแทตทูที่มีความเชี่ยวชาญและเชื่อฝีมือได้จริงๆ เพราะถ้าหากว่าสักไปแล้วเกิดไม่ชอบใจ นึกอยากลบออกภายหลัง ขั้นตอนในการลบรอยสักขนาดใหญ่ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากขึ้นไปอีก อีกทั้งรอยสักที่มีสีดำหรือสีเข้มๆ ยังสร้างความยากลำบากให้แก่แพทย์ผิวหนังในการตรวจสภาพผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุของมะเร็งผิวหนังด้วย
“50% ของเนื้องอกที่เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง มาจากพวกไฝก่อน นี่จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราต้องบอกให้ช่างสักแทตทู อย่าสักรอยสักตรงไฝ หรือปกปิดไฝ และเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องไปหาแพทย์ผิวหนัง เพื่อตรวจเช็กผิวหนังของเราทุกปีว่ามีสัญญาณอะไรของมะเร็งผิวหนังบ้างหรือไม่”
ทุกวันนี้รอยสักก็ถือเป็นสิ่งสวยงาม หรือเครื่องประดับบนเรือนร่างอย่างหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นใครที่คิดจะสักก็ต้องคิดตรึกตรองให้รอบคอบ และเลือกร้านที่สะอาด ถูกสุขอนามัยจริงๆ เพราะหากตัดสินใจพลาดแล้วโอกาสที่จะมานั่งเสียใจทีหลังมีด้วยกันหลายเรื่องเลยนะ