4 ประโยชน์ของ “กิมจิ” กับความงาม-สุขภาพลำไส้ จากปากคนญี่ปุ่น

4 ประโยชน์ของ “กิมจิ” กับความงาม-สุขภาพลำไส้ จากปากคนญี่ปุ่น

4 ประโยชน์ของ “กิมจิ” กับความงาม-สุขภาพลำไส้ จากปากคนญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมและการทำงานของลำไส้เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าหากสุขภาพของลำไส้ดี ก็จะส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง คงความงามและความอ่อนเยาว์ไว้ รวมถึงทำให้ผอมด้วย ดังนั้นคนญี่ปุ่นมักให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อาหารหมักดองที่อุดมไปด้วยกรดแลคติก แอซิด แบคทีเรีย หนึ่งในอาหารหมักดองที่แม้จะมีสัญชาติเกาหลี แต่คนญี่ปุ่นก็นิยมรับประทานเป็นประจำเกือบทุกวันคือ กิมจิ มารู้ประโยชน์ของกิมจิ วิธีการรับประทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้จากคนญี่ปุ่นกัน

4 ประโยชน์ของ “กิมจิ”

  1. ช่วยให้การทำงานของลำไส้ดี

กิมจิอุดมไปด้วยแลคติกแอซิด แบคทีเรีย การรับประทานกิมจิเป็นประจำจะทำให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี ส่งผลให้มีการมีการขับถ่ายดี ซึ่งช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณสดใส ช่วยลดการสะสมของไขมัน อีกทั้งยังทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เพราะ 60-70 เปอร์เซ็นต์ของเซลล์ภูมิคุ้มกันนั้นสร้างมาจากลำไส้

  1. ช่วยเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน

กิมจิอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 และบี 2 โดยวิตามินบี 1 มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และวิตามินบี 2 มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเผาผลาญไขมัน จึงช่วยไม่ให้อ้วนได้ง่าย

  1. ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

กิมจิอุดมไปด้วยสาร GABA ซึ่งช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียดและยังช่วยให้นอนหลับได้ดีด้วย

  1. ช่วยเสริมการเผาผลาญไขมัน

สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในกิมจิจะช่วยเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย จึงมีผลช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้สารชนิดนี้ยังช่วยให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี ทำให้การขับถ่ายอุจจาระคล่อง ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย

วิธีการรับประทานกิมจิเพื่อช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

  1. รับประทานร่วมกับอาหารอื่นๆ เช่น อะโวคาโดหรือน้ำมันมะกอก

อะโวคาโดอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและวิตามินอี ซึ่งช่วยเสริมคุณค่าด้านความงามยกกำลังสอง น้ำมันมะกอกประกอบด้วยกรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่ช่วยให้การขับถ่ายของเสียออกจากทางอุจจาระได้ง่ายขึ้นและส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี

  1. รับประทานตอนกลางคืน

ลำไส้คนเรามักจะเคลื่อนที่ทำงานได้ดีในตอนกลางคืน ดังนั้นเวลาที่จะทำให้ร่างกายนำแลคติกแอซิด แบคทีเรียจากกิมจิไปเสริมการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้น คือเวลากลางคืนหลังจากการตื่นนอนในตอนเช้าประมาณ 15-19 ชั่วโมง

  1. รับประทานโดยไม่ปรุงด้วยความร้อน

แลคติกแอซิด แบคทีเรียไม่ทนต่อความร้อนที่ใช้ปรุงอาหาร การรับประทานกิมจิดิบจะทำให้ร่างกายรับแบคทีเรียชนิดดีนี้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่

  1. รับประทานทุกวันในปริมาณพอเหมาะ

การรับประทานกิมจิทุกวันจะทำให้ร่างกายรับแลคติกแอซิด แบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายเพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีของลำไส้ แต่ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะนอกจากจะรับปริมาณเกลือเข้าสู่ร่างกายมากเกินความจำเป็นแล้ว ยังทำให้ร่างกายรับสารแคปไซซินในปริมาณมากเกินไป จนไปทำให้เนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหารระคายเคือง และหากสารชนิดนี้ไปทำลายเนื้อเยื่อที่ลำไส้เล็กก็จะส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะพอดีเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย

  1. ไม่รับประทานในขณะที่ท้องว่าง

หากรับประทานกิมจิในขณะที่ท้องว่าง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะย่อยสลายแลคติกแอซิด แบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียรอดชีวิตไปสู่ลำไส้น้อย เวลาที่ดีในการรับประทานกิมจิ คือ รับประทานพร้อมกับอาหาร หรือหลังมื้ออาหาร

นอกจากดีต่อสุขภาพลำไส้แล้วกิมจิก็ดีต่อสุขภาพความงาม บ้านเราหาซื้อกิมจิได้ง่าย ลองหามารับประทานกันดู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook