ทำไม “น้ำนมแม่” ถึงสำคัญกับเด็กแรกเกิด

ทำไม “น้ำนมแม่” ถึงสำคัญกับเด็กแรกเกิด

ทำไม “น้ำนมแม่” ถึงสำคัญกับเด็กแรกเกิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อพูดถึงสารอาหารที่มีประโยชน์กับลูกน้อยมากที่สุดคำตอบไม่มีทางพ้น “น้ำนมแม่” เพราะมีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง นับเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ที่สุด ฉะนั้นการเตรียมความพร้อมของเต้านมและหัวนมให้พร้อมก่อนคลอดสำหรับการให้นมแม่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากลูกน้อยได้รับนมแม่อย่างเหมาะสม จะช่วยให้สมองดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด เสริมสร้างความรักความอบอุ่น ผูกพันทางใจได้อีกด้วย 

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้คุณแม่ควรให้นมบุตรอย่างน้อย 6 เดือนและสามารถให้ต่อเนื่องได้ถึง 2 ปี เพราะนมแม่ประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพหลายชนิด เช่น แอนติบอดีและโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินให้กับทารก 

นอกจากนี้ยังมีเซลล์ที่มีชีวิตต่างๆ ทั้งเซลล์จากแม่ รวมทั้งแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหารของทารกอีกด้วย หากลูกน้อยได้รับนมแม่อย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดโอกาสในการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ฯลฯ เมื่อเติบโตขึ้นได้ โดยคุณประโยชน์ที่สำคัญต่อลูก คือต้องมีสารอาหารครบถ้วน สามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้ สะอาด ย่อยง่าย ถ่ายสะดวก ท้องไม่ผูก ช่วยให้สมองดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด  

คุณแม่เตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้นมบุตร

  1. เมื่อคลอดแล้วควรให้ลูกดูดนมทันทีเพื่อสร้างสายใยความผูกพันและความอบอุ่นระหว่างแม่และลูกน้อย ทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายแม่สร้างน้ำนมได้มากและเร็วยิ่งขึ้น 
  2. หลังจากคลอดวันที่ 2 พยาบาลนมแม่จะเข้าพบเพื่อเตรียมความพร้อมให้นม โดยต้องเน้นให้ลูกดูดนมบ่อยๆ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมแม่มาเร็วขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อย และพยาบาลทารกแรกเกิด (Nursery) จะมีการฝึกสอนท่าอุ้มลูกที่ถูกต้องให้กับคุณแม่ และฝึกสอนการเอาลูกเข้าเต้าได้อย่างราบรื่น 
  3. ในกรณีที่ยังไม่มีน้ำนม การใช้นมผสมเสริมด้วยขวดนมอาจเป็นอุปสรรคในการทำให้การให้นมแม่ไม่สำเร็จ พยาบาลจะฝึกให้ใช้ช้อนหรือแก้วแทนการใช้นมผสมจากขวด เพื่อไม่ให้ลูกติดขวด และคุณแม่ประสบความสำเร็จในการให้นมแม่ 

หากคุณแม่ต้องพบกับความกังวลในการให้นมบุตร ทั้งคัดเต้านม น้ำนมไม่ออก หัวนมอุดตัน คัดตึง จนทำให้เป็นไข้ หรือลูกไม่ยอมเข้าเต้า ลองขอคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากกุมารแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook