ลดน้ำหนักไม่ยาก…หากนับแคลอรี่เป็น

ลดน้ำหนักไม่ยาก…หากนับแคลอรี่เป็น

ลดน้ำหนักไม่ยาก…หากนับแคลอรี่เป็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หุ่นดี ใครๆ ก็อยากได้ แล้วทำยังไงล่ะถึงจะหุ่นดี? นอกจากการออกกำลังกายแล้วการนับแคลอรี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะรู้เราจะได้รู้ว่าวันนี้รับแคลอรี่มากเกินไปหรือเปล่า เพราะถ้าเกินอาจทำให้อ้วนขึ้นได้ Sanook! Health จึงขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า เจ้าแคลอรี่ นี่คืออะไรและการนับแคลอรี่เป็นจะช่วยอะไรเราได้

 

แคลอรี่ คืออะไร

หน่อยวัดพลังงานในอาหาร ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน ซึ่งพลังงานเหล่านี้ ร่างกายจะใช้ในการขับเคลื่อนระบบต่างๆ ของร่างกายให้ทำงาน หากมีพลังงานส่วนเกินก็จะถูกเก็บในรูปของไขมันเป็นพลังงานสำรอง

ขณะที่เราเดิน นั่ง นอน ทุกอย่างที่ทำคือ การใช้พลังงานในร่างกายหรือเรียกว่า การเผาผลาญแคลอรี่ “หากเราเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าที่รับเข้ามา น้ำหนักจะลด แต่ถ้ารับแคลอรี่เข้ามามากกว่าที่เผาผลาญออกไป น้ำหนักจะเพิ่ม” อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มเข้าใจบ้างแล้วล่ะสิ เมื่อคิดจะลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะถามใคร ตำราไหนก็มักบอกให้ไปออกกำลังกาย คุมอาหาร เพราะการออกกำลังกายคือการใช้พลังงานในร่างกาย ไม่ว่าจะเข้าฟิตเนส วิ่ง ว่ายน้ำหรือปั่นจักรยาน ทุกอย่างล้วนใช้พลังงานทั้งสิ้น

 

 

แล้วอาหาร เกี่ยวอะไรกับ แคลอรี่?

อาหารทุกอย่างล้วนมีแคลอรี่มากน้อยแตกต่างกันไป แต่ก่อนหน้านั้นเราควรรู้ก่อนว่า ร่างกายเราเผาผลาญแคลอรี่ต่อวันเท่าไหร่เพราะแต่ละคนสัดส่วนรูปร่างแตกต่างกัน ลองคำนวณหากันตามสูตรนี้ได้เลย

-สำหรับผู้ชาย : BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)

-สำหรับผู้หญิง : BMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)

คำนวณเสร็จแล้ว นั่นคือ ปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายเราใช้ต่อวัน โดยส่วนใหญ่ผู้ชายจะอยู่ที่ 1600-2200 kcal. ผู้หญิงจะอยู่ที่ 1400-1800 kcal.

เมื่อรู้แคลอรี่ที่ร่างกายเราเผาผลาญต่อวันแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้วล่ะ เพียงแค่เราคำนวณแคลอรี่ของอาหารแต่ละมื้อให้ดี อย่าให้เกินแคลอรี่ที่เราคำนวณไว้ สมมติว่า แคลอรี่ต่อวันของเราคือ 1600 มื้อเช้ากินข้าวมันไก่ 600 แคลอรี่ มื้อเที่ยงกินผัดซีอิ๋วใส่ไข่ 450 แคลอรี่ มื้อเย็นกินโจ๊กหมูใส่ไข่ 300 แคลอรี่กับส้มตำ 150 แคลอรี่ ก่อนนอนกินนม 1 แก้ว 100 แคลอรี่ พอนำมารวมกันจะพบว่า 1600 แคลอรี่พอดี ดังนั้นน้ำหนักเราจะไม่เพิ่มไม่ลด แต่หากเราไม่กินส้มตำ กินโจ๊กหมูไม่ใส่ไข่ แคลอรี่จะหายไป 220 แคลอรี่ ทำให้รวมเป็น 1380 แคลอรี่ น้ำหนักก็จะลดลง

 

เห็นมั้ยล่ะ แคลอรี่ ไม่ได้เข้าใจยากเลยนะ พออ่านจบแล้วรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ เหมือนเป็นการจัดระเบียบการกินของเราเท่านั้นเอง ถ้าอยากลดน้ำหนักก็แค่กินให้แคลอรี่รวมน้อยลงสัก200-300 ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ เพียงเท่านี้หุ่นดีจะอยู่กับเราไปอีกนาน

 

ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก Lovefitt , Iandmybody, Kcalmemo8
ภาพประกอบจาก Pixabay
Story : Martmatt

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook