อย่าเชื่อ! หนังไก่ ขาหมู รักษาเบาหวาน-อ้วน ไม่ได้!

เฟซบุ๊คเพจ Drama-Addict ยืนยันว่า การรับประทานหนังไก่ และขาหมู ไม่สามารถบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน และลดน้ำหนักได้อย่างที่มีการแชร์ข้อมูลผิดๆ ในโลกโซเชียล

ถึงแม้การลดการทานแป้งจะเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นหลักสำคัญของการลดน้ำตาล ลดอาการให้พลังงาน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่การทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูงอย่างหนังไก่ และขาหมู จะยิ่งทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน และมีโอกาสเป็นเบาหวานสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเราอ้วนมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการรักษาโรคเบาหวานเข้าไปใหญ่

ทั้งนี้ การทานไขมันยังจำเป็นต่อร่างกายอยู่ เพียงแต่ให้เลือกทานไขมันดี เช่น ไขมันจากน้ำมันมะกอก อโวคาโด หรืออัลมอนด์ เป็นต้น

สามารถอ่านรายละเอียดเต็มๆ จากโพสของเฟซบุ๊คเพจ Drama-Addict ได้ตามด้านล่างค่ะ

____________________

ช่วงนี้บทความนี้กลับมาแชร์กันอีกละ ขอเตือนว่าอย่าปฎิบัติตามเด็ดขาดนะครับ ในบทความมันอ้างว่าให้คนเป็นเบาหวาน ที่อยากลดความอ้วนและรักษาเบาหวาน ให้งดกินแป้งทุกชนิด แล้วกินไขมัน กินหมูสามชั้น หนังไก่ ขาหมู อ้างว่าทำแบบนี้แล้วเบาหวานจะดีขึ้น น้ำหนักจะลด

อาจลดเพราะเบาหวานแย่ลงก็ได้ ถถถถถถถถ

คืองี้ครับ โรคเบาหวานนี่เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับไขมันในร่างกายแบบตรงไปตรงมาเลย คือเมื่อคุณอ้วน ไขมันเยอะ ยิ่งทำให้ร่างกายมันดื้อต่ออินซูลินและมีโอกาสเป็นเบาหวานสูงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งอ้วนก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการรักษาโรคเบาหวาน

ทุกวันนี้คนที่เป็นเบาหวาน แนะนำว่ากินอาหารที่มีไขมันได้แต่กินน้อยๆ และต้องเลือกไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ใช่อย่างไอ้พวกขาหมูหนังไก่นะครับ แต่เป็นการเลือกใช้น้ำมันดีๆแบบน้ำมันมะกอก หรือไขมันจากพืชเช่น อโวคาโด อัลมอนด์ ไรงี้

และการรักษาเบาหวานหรือการลดความอ้วน ไม่มีใครแนะนำให้งดคาร์โบไฮเดรตครับ

เพราะคาร์โบไฮเดรตมันเป็นแหล่งพลังงานที่มนุษย์เอาไปใช้ง่ายสุดละ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องกินคาร์บ แต่อาจปรับปริมาณให้เหมาะสมตามความต้องการ และเลือกกินแบบที่ดูดซึมช้าๆ แบบขนมปังโฮลวีท ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่

ไม่ใช่งดกินคาร์บไปเลย แล้วไปกินอาหารอย่างอื่น เช่น แดกแต่ไขมัน หรือ โปรตีน ซึ่งการลดน้ำหนักในลักษณะนั้นมันไม่ยั่งยืน มีโยโย่เอฟฟเฟคได้สูง และเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายด้วย ถึงไม่มีใครเขาแนะนำให้งดข้าวเวลาลดน้ำหนักกันไง

แนะนำว่าเวลาเห็นบทความสุขภาพที่ดูแปลกๆทะแม่งๆพวกนี้ อ่านแล้วอย่าเชื่อทันที อย่าเชื่อเพราะว่าคนเขียนเป็นหมอ แต่ควรเอาบทความที่ว่าไปปรึกษาหมอที่รู้จักดูว่ามันน่าเชื่อถือไหม หรือหาเอกสารวิชาการเกี่ยวกับโรคพวกนี้มาอ่านประกอบดูจะได้รู้ว่ามันจริงหรือมั่วขนาดไหนครับ

 

____________________

 

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ค Drama-Addict
ภาพประกอบจาก pixabay