กินคลีนแบบไทย ใครๆ ก็ทำได้

กินคลีนแบบไทย ใครๆ ก็ทำได้

กินคลีนแบบไทย ใครๆ ก็ทำได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียบเรียงโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th

กระแสของการกินอาหารคลีนมาแรงอย่างต่อเนื่อง หลายๆ คนคิดว่าอาหารคลีนที่ดีต้องมีราคาแพง หรือการกินอาหารที่ปราศจากไขมัน จริงๆ แล้วการกินคลีนในแบบไทย คือ ‘การกินให้เป็นธรรมชาติ’ นั่นเอง


กินให้เป็นแบบธรรมชาติด้วย 3อ 2ส.

ด้านที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สสส. อ.สง่า ดามาพงษ์ เล่าว่า หลายๆ คนใช้ชีวิตอย่างประมาทในด้านการกินและการออกกำลังกาย ทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้องรัง (NCDs) ซึ่งได้แก่ โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ (Cardiovascular & Cerebrovascular Diseases ) โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) โรคมะเร็ง (Cancer) โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) โรคอ้วนลงพุง (Obesity) สำหรับประเทศไทย สถิติล่าสุดพบว่ามีถึง 14 ล้านคน ที่เป็นโรคในกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรทั้งประเทศ


นอกจากเรื่องการกินและการออกกำลังกายแล้ว ภาวะด้านอารมณ์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะมนุษย์ที่ชอบเอาชนะ เครียด ด่าเก่ง เอาแต่โทษคนอื่น ปล่อยวางไม่เป็น นั่นเรียกว่า ภาวะมะเร็งอารมณ์ สิ่งที่มนุษย์ควรทำคือ การตั้งสติ เพื่อเกิดปัญญาและหาทางดับทุกข์นั้นโดยเร็ว เพราะพฤติกรรมแย่ๆ ทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะขี้เกียจออกกำลังกาย กินอาหารไม่มีประโยชน์ พยายามหาข้ออ้างทั้งหลาย จะนำมาสู่การมีอายุร่างกายสั้น ซึ่งอายุร่างกายนี่เองจะเป็นหมอดูทำนายชีวิตที่เหลืออยู่ ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ความสำคัญมากๆ ในการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจด้านสุขภาพ 4 มิติ เพื่อลดภาวะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน






กินคลีนแบบไทย ให้ถูกต้องยุคออนไลน์

อ.สง่า เล่าต่อว่า คนกินไม่เป็น คือ คนที่ไม่กินอาหารไทย เพราะอาหารไทยนี่เองที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทย เป็นมรดกจากบรรพบุรุษที่สรรสร้างขึ้น เช่น แกงเขียวหวาน ที่ใส่มะเขือพวงลงไป เพราะเมื่อรสเฝื่อนจากมะเขือพวงกระทบกับรสของกะทิจะมีความเข้ากันพอดี และมะเขือพวงนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก ป้องกันความเสื่อมและช่วยชะลอความแก่ ฯลฯ สำหรับช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ดอกแค คนโบราณนิยมนำมาทำ แกงส้มดอกแค เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยป้องกันและรักษาอาการหวัด และนี่คือตัวอย่างเคล็ดลับของอาหารไทยและผักพื้นบ้านของไทย

นอกจากการรู้จักกินอาหารไทยแล้วนั้น อ.สง่า ยังให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเป็นที่น่าห่วงเรื่องการกินอาหารรสหวานของคนไทย เพราะคนไทยกินน้ำตาลเฉลี่ย 29 ช้อนชาต่อวัน ทั้งๆ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้กินน้ำตาลเพียง 6 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งน้ำตาลที่เกินมานั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันในร่างกาย เกิดการสะสมและเกิดโรคอ้วนตามมา นอกจากนี้แล้วต้องกินไขมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือ 1 ช้อนชาต่อวัน หรือจำตัวเลขง่ายๆ ว่า 6:6:1


 


กินคลีนอย่างไร

เคล็ดไม่ลับการกินคลีนง่ายๆ คือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่างพอเพียงและพอดีในแต่ละมื้อ ไม่ควรอดอาหารหรือกินอาหารเกินกว่าความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้แล้วควรเน้นกินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น ในบรรดาเนื้อสัตว์ทั้งหมด อ.สง่า แนะนำว่า กินเนื้อปลาดีที่สุดเพราะย่อยง่าย มีไขมันที่ดี และมีประโยชน์กับร่างกาย และเน้นกินผักในทุกมื้ออาหาร โดยให้สัดส่วนของผักเป็น 2 ส่วน คาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน และโปรตีนอีก 1 ส่วน (หลัก2:1:1) ปรุงแต่งอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติ และ ไม่หนักรสชาติเค็ม หวาน และปรุงให้ใกล้เคียงกับรสชาติแบบธรรมชาติที่สุด

การไม่ยึดติดรสชาติ หรือการกินอาหารรสชาติใกล้เคียงธรรมชาตินั้นอาจดูเหมือนไม่ถูกปากคนไทยเท่าที่ควร แต่ถ้าหากลองพยายามทำ และค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินทีละนิดๆ เชื่อว่า สุขภาพดีทีมาจากการกินอาหารที่ดีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook