10 เทรนด์ลดน้ำหนักสุดฮิตประจำปี 2016

เชื่อว่าหลายคนมี New Year Resolutions หรือปณิธานปีใหม่ ความตั้งใจที่อยากจะทำในปีใหม่เอาไว้หลายข้อ และข้อหนึ่งก็ต้องมี “ลดน้ำหนัก” หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพแน่นอน เพราะคุณรู้ตัวดีว่าปีที่ผ่านมาคุณละเลยกับสุขภาพของตัวเองมากแค่ไหน

ครบปี 2016 นี้แล้ว เรามาส่องเทรนด์สุขภาพกันดีกว่าว่า มีวิธีลดน้ำหนักอะไรเด็ดๆ โดนๆ ในปีนี้ให้เราทำตามกันบ้าง

 

1. วิ่งมาราธอน

เทรนด์มาแรงปีนี้ในบ้านเราไม่น่าจะหนีพ้นเทรนด์วิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งเพื่อการกุศล ระยะตั้งแต่ 5 กิโลเมตร ไปจนถึง 10 กิโลเมตร และระดับมาราธอน หรือไตรกีฬากันเลยทีเดียว หลายคนหลงเสน่ห์การวิ่งจนกลายเป็นนักวิ่งตัวยง ลงวิ่งทุกงาน มีเหรียญเต็มบ้าน ได้ออกกำลังกาย ได้เจอเพื่อนระหว่างทาง ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และบางครั้งก็ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น เพราะแบบนี้แหละเทรรนด์วิ่งเลยยังคงมาแรงไม่แพ้การออกกำลังกายแบบอื่นๆ เลย และน่าจะยังคงวิ่งกันต่อไปเรื่อยๆ ด้วย (บางคนไปลงวิ่งที่ต่างประเทศเลยก็มี)

 

2. อาหารคลีน

ธุรกิจอาหารคลีนเดลิเวอรี่ หรือแบบที่ส่งข้าวกล่องให้ถึงที่บ้านและที่ทำงาน กำลังเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก และใส่ใจในสุขภาพ ลดการทานหวาน ทานเค็ม และการปรุงรสที่มากเกินไป รวมไปถึงเน้นผักผลไม้ มากกว่าเนื้อสัตว์ แต่สิ่งเดียวที่ลำบากสำหรับเขาเหล่านี้ คือการเตรียมอาหารเองทุกวัน นอกจากไม่มีเวลาแล้ว วัตถุดิบยังอาจราคาแพง หรือเบื่อเมนูอาหารคลีนแบบเดิมๆ ธุรกิจอาหารคลีนจึงเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการทานอาหารคลีนให้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีตัวเลือกในการทานมากยิ่งขึ้น ทั้งเมนูที่หลากหลาย ความรวดเร็วในการส่งอาหาร และความสะดวกในการเปิดกล่องทานได้เลยโดยไม่ต้องลงมือทำเอง หาสูตรเอง

 

3. น้ำผักผลไม้ปั่น

บอกลาเครื่องปั่นผลไม้แบบแยกกาก แล้วหันมาดื่มน้ำผักผลไม้ปั่นที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์กันดีกว่า ตอนนี้หลายคนน่าจะทราบดีกว่าการแยกกากใยอาหารออกไปหมด ทำให้เราได้รับวิตามินและแร่ธาตุจากผักและผลไม้น้อยลง รับเข้าไปแต่น้ำตาล แถมยังไม่มีกากใยอาหารที่ช่วยให้เราขับถ่ายได้อย่างปกติอีกด้วย จึงทำให้มีเครื่องปั่นผักและผลไม้ผลิตออกมาขายมากมาย ทั้งอำนวยความสะดวกในการปั่นเสร็จแล้วถอดออกจากเครื่อง ถือขวดไปทำงานได้เลยก็มี

 

4. อาหารเสริม

ไม่ว่าจะมีปัญหาเรื่องไหน อาหารเสริมก็ช่วยแก้ไขได้หมด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง สิวขึ้น ผิวแห้งกร้าน หรือจะเป็นปวดหัว ปวดเมื่อยตัว เป็นหวัดคัดจมูก ผมร่วง ฟันผุ สายตาล้า ไปจนถึงปัญหาการขับถ่าย ความดันโลหิตสูง ไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง น้ำหนักเกิน และมะเร็ง แม้ว่าจะฟังดูเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออยู่บ้าง แต่อาหารเสริมที่ดีมีประโยชน์ และปลอดภัยต่อร่างกายจริงๆ ก็มีเช่นกัน ดังนั้นผู้บริโภคต้องเลือกทานอาหารเสริมจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ได้

 

5. ทานมื้อเช้าให้มาก ทานมื้อเย็นให้น้อย

เทรนด์สุขภาพปี 2016 ที่เราอยากเชียร์ให้ทุกคนทำให้ได้ คือการไม่งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งเป็นอันขาด แต่ควรทานให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าที่สำคัญที่สุดของวัน ควรได้รับสารอาหาร และพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แจ่มใส พร้อมลุยงานได้อย่างเต็มที่ แล้วค่อยลดปริมาณในตอนเย็นหลังเลิกงาน ที่จะกลายเป็นช่วงพักผ่อนหย่อนใจของเรานั่นเอง

 

6. เคี้ยวอาหารให้ช้าลง

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่การันตีว่า การเคี้ยวอาหารในแต่ละคำให้นานขึ้นราวๆ 25-30 ครั้งก่อนกลืน มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งในเรื่องของการรับรู้รสชาติอาหารอร่อยๆ ให้นานขึ้น อาหารย่อยได้ง่ายขึ้น กระเพาะอาหารทำงานน้อยลง ระบบขับถ่ายก็ทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เพราะสมองจะรู้สึกว่าเราอิ่มท้องแล้ว ก็หลังจากเราทานอาหารไปราวๆ 20 นาที เพราะฉะนั้นใครที่รีบทานเร็วๆ ก็อาจมีความเสี่ยงว่าจะทานเสร็จแล้วไม่อิ่ม หาอะไรทานต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกอิ่ม ดังนั้นอาหารจานเดียว แต่ใช้เวลาทาน 20 นาที ก็อาจจะอิ่มแล้วโดยที่เราไม่ต้องสั่งอาหารเพิ่ม หรือตบท้ายด้วยของหวานที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราอ้วน ใครยังไม่เคยลอง ก็ลองทำดูนะ

 

7. จดบันทึกสิ่งที่ทานเข้าไป

อีกเทรนด์หนึ่งที่หลายคนนิยม คือการทานอาหารแบบนับแคลอรี่ โดนวัดจากน้ำหนัก ส่วนสูง อายุของตัวเอง หาค่าแคลอรี่ที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละวัน และจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ทานเข้าไปไม่ให้เกินไปกว่านั้น หลายคนทำแล้วช่วยได้ แต่อีกหลายคนก็มองว่ายังไม่ใช้แนวของตัวเองเท่าไร ก็แล้วแต่ว่าวิธีไหนจะช่วยลดน้ำหนักได้สำเร็จแล้วกันนะคะ อย่างเราเองขอแค่จดว่าทานอะไรก็พอ เหมือนจดรายรับ-รายจ่าย ถ้าเรากลับมามองแล้วเห็นว่าอะไรที่ดูจะเกินความจำเป็นไป ครั้งหน้าก็งดทานไปซะ เท่านี้ก็ถือว่าช่วยได้เหมือนกันค่ะ

 

8. เก็บอาหารให้อยู่ในที่ๆ มองไม่เห็น

เป็นอีกหนึ่งทริคที่หลายคนอาจจะไม่เคยลอง แต่บอกเลยว่าช่วยได้เยอะ ใครที่นั่งทำงานไปด้วย มือล้วงขนมทานไปด้วย คุณกำลังเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว บางทีไม่ได้หิวอะไรหรอก แต่ตาพลันไปเห็นขนมอยู่บนโต๊ะ (หรือแม้กระทั่งโต๊ะเพื่อนข้างๆ) ก็เกิดอาการอยากขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะฉะนั้นระหว่างวัน หรือระหว่างนั่งทำงาน กรุณาเก็บของกินเอาไว้อย่างมืดชิด อย่าให้อยู่ในระยะที่สายตามองเห็นได้เป็นอันขาด รวมไปถึงที่บ้านด้วยนะ เก็บอาหารและขนมทุกชนิดลงจากโต๊ะให้หมด บางครั้งถ้าเราไม่เห็น เราก็ไม่มีความอยากทาน เชื่อป่ะ?

 

9. แปรงฟันก่อนนอนให้เร็วขึ้น

มีผลงานวิจัยพิสูจน์มาแล้วว่า การที่เราอาบน้ำแปรงฟันก่อนนอนเร็วขึ้น ทำให้เราทานขนมจุบจิบ หรือมื้อดึกน้อยลง นอกจากรสชาติมิ้นท์ๆ ของยาสีฟันจะไม่ได้ทำให้เรามีความอยากอาหารแล้ว การแปรงฟันยังเป็นการหยุดเราเอาไว้ว่า มื้ออาหารของเราสิ้นสุดลงแล้ว ควรจุหยุดกิจแล้วไปนอนซะ แต่อย่าอาบน้ำแปรงฟันทันทีหลังทานอาหารล่ะ ควรพักร่างกายหลังจากทานอาหารอย่างต่ำ 15-20 นาทีก่อนค่อยอาบน้ำแปรงฟันค่ะ

 

10. นอนให้เร็วขึ้น

ข้อนี้หลายคนคงทราบดี ว่าการหิวตอนดึกมันเป็นช่วงเวที่ทรมาน นอกจากจะหาอะไรทานยากกว่าเดิมแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาความอ้วนจากมื้ออาหารที่เกินความจำเป็นดีๆ นี่เอง ถ้าไม่มีความจำเป็นมากจริงๆ ควรรีบสะสางงานให้เสร็จตั้งแต่ตอนกลางวัน อย่าทานอาหารเย็นดึกเกินไป และรีบนอนหลังทานอาหารเย็น 4 ชั่วโมง จะได้ไม่ต้องหิวจนต้องลุกขึ้นมาค้นหาอาหารทานในยามวิกาล รับรองว่าเคล็ดลับง่ายๆ ข้อนี้ ช่วยเหลือใครต่อใครมาได้นักต่อนักแล้วล่ะ

 

แต่ละวิธีเป็นวิธีที่หลายคนทราบดีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้ ลองตั้งปณิธานปีใหม่อีกสักครั้งด้วยวิธีเหล่านี้ เราเชื่อว่าหากทำได้ 2-3 ข้อในนี้ ก็ช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้อย่างปลอดภัยและถาวรแน่นอนค่ะ