เมื่อ “พร่อง” ต้อง “เพิ่ม” เสริมวิตามินอย่างไร ให้เพียงพอต่อร่างกาย

เมื่อ “พร่อง” ต้อง “เพิ่ม” เสริมวิตามินอย่างไร ให้เพียงพอต่อร่างกาย

เมื่อ “พร่อง” ต้อง “เพิ่ม” เสริมวิตามินอย่างไร ให้เพียงพอต่อร่างกาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ถึงจะไม่ถึงขั้นป่วยเป็นโรค แต่ยอมรับเถอะว่า คุณเองต้องเคยรู้สึกถึงภาวะที่ตื่นขึ้นในบางเช้าแล้วรู้สึกไม่สดชื่นเอาเสียเลย พักนี้อ้วนง่ายมาก อาหารก็ไม่ค่อยย่อย เป็นเหน็บชาอยู่บ่อยๆ อารมณ์แปรปรวนอยู่เสมอ ฯลฯ อาการเหล่านี้อาจจะดูไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องไปหาหมอ แต่ก็เป็นสัญญาณอันตรายของ “ภาวะพร่องสุขภาพ ที่นำไปสู่การเป็นโรคต่างๆ ได้ในอนาคต

     ภาวะพร่องสุขภาพ (Sub- optimal Health) เป็นภาวะขาดวิตามินและเกลือแร่เพียงเล็กน้อย ร่างกายจึงไม่แสดงความผิดปกติออกมาให้เห็นเป็นโรคอย่างชัดเจนในทันที แค่มีสัญญาณเตือนเบาๆ รูปแบบของอาการต่างๆ ที่มีผลบั่นทอนสุขภาพ และทำให้คุณภาพชีวิตลดลง

     ด้วยความที่อาการเสื่อมของร่างกายเนื่องจากภาวะพร่องสุขภาพ เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น เป็นผื่นแพ้ง่าย ฯลฯ ทำให้หลายคนมองข้ามภัยใกล้ตัวชนิดนี้ หรือต่อให้ไปหาหมอตรวจสุขภาพ ก็จะไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคใดๆ ทางที่ดีคือ หมั่นสังเกตตัวเอง และรักษาอาการให้ถูกจุด ด้วยการหาสาเหตุให้เจอ

     อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น เกิดจากการที่ร่างกายเกิด ภาวะพร่องเหล็ก หรือโฟเลท และวิตามินบี 12 ส่งผลให้การผลิตเม็ดเลือดแดงลดลง ทำให้การขนส่งออกซิเจนไปให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายลดลง กระบวนการเผาผลาญสารอาหารจึงให้พลังงานที่ลดลงตามไปด้วย จนร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย

     ส่วนใครที่เป็นหวัดง่าย สันนิษฐานได้เลยว่าร่างกายเกิดภาวะพร่องวิตามินเอ สังกะสี หรือวิตามินซี จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนร่างกายติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย

     และสงสัยกันไหมว่า ทำไมคนไทยในวัยทำงานและผู้สูงอายุถึงเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ กันมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง สมองเสื่อม และกระดูกพรุน นั่นก็เพราะคนไทยส่วนมากเกิด ภาวะพร่องวิตามินดี โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

     ส่วนการแก้ปัญหานี้ จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะในเมื่อร่างกายพร่องสิ่งใด ก็แค่เสริมสิ่งนั้นเข้าไป การรับประทานอาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่ให้เพียงพอในแต่ละวัน จึงเป็นการป้องกันหรือบำบัดภาวะพร่องสุขภาพได้ดีที่สุด

     แต่จะว่ายากก็ยากแน่นอนสำหรับวิถีชีวิตของคนยุคนี้ ที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบแข่งกับเวลาจนพฤติกรรมการกินและดูแลร่างกายผิดเพี้ยนไป เช่น ไม่กินอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด กินแต่อาหารจานด่วนที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เน้นการควบคุมน้ำหนักเสียจนกินอาหารน้อยเกินไป หรือจำกัดการกินอาหารประเภทไขมัน จนเสี่ยงต่อการพร่องวิตามินที่ละลายในไขมัน (A D E K) รวมถึงการกินผักผลไม้ไม่เพียงพอตามปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน คือ ประมาณ 5-7 กำมือ อีกด้วย

     ถ้าการกินอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินดูจะทำได้ยากเกินไป อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีคือ การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่รวมหลายชนิด เพื่อเสริมวิตามินและเกลือแร่ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

     ถ้าเลือกไม่ถูกเพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเม็ดในท้องตลาดมีมากมายเหลือเกิน แนะนำวิตามินรวม ที่ในหนึ่งเม็ดมีวิตามินและเกลือแร่รวม 22 ชนิด จากเอถึงซิงค์ พร้อมเบต้า – แคโรทีน ลูทีน และไลโคปีน โดยลูทีนจะช่วยดูดซับแสงสีน้ำเงิน (Blue Light) จากสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และหน้าจอโทรทัศน์ ช่วยปกป้องจอรับภาพตาและเลนส์จากอันตรายของแสงสีฟ้า ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อกระจก

     ส่วนไลโคปีนนั้น ช่วยลดคอเลสเตอรอล ชนิด LDL ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย

     เพียงคุณหมั่นสังเกตตัวเอง และรีบเสริมวิตามินที่ร่างกายพร่องไปได้ทันท่วงที ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ คุณก็จะมีภาวะสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด (Optimal Health) มาแทนที่


** ข้อมูลจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เอกราช บำรุงพืชน์ ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล





[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook